เมื่อวัน 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายปิยะบุตร เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมกับพรรคฝ่ายค้านร่วมทั้ง 7 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย ได้รวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อยื่นญัตติให้ตั้งกรรมการตรวจสอบการวุฒิสภา ว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูฐที่กำหนดหรือไม่ โดยจะยื่นทั้งหมด 3 ญัตติ ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย 1 ญัตติ พรรคอนาคตใหม่ 1 ญัตติ และพรรคพลังปวงชนไทย อีก 1 ญัตติ
ซึ่งทั้งหมดนี้ จะยื่นเสนอนายชวน หลีกภัย ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาฯ คนปัจจุบัน โดยหวังให้มีการใส่ไว้ในระเบียบการประชุมในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ ส่วนตามที่ฝ่ายค้านได้อ้างรัฐธรรมนูญมีดังนี้ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ มาตรา 113 สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 สมาชิกวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชน ห้ามมีข้อผูกมัดทางการเมืองใดๆ ต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อผลประโยชน์ของชาติ โดย ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ได้กล่าวว่ามีอีกประเด็นให้ตรวจสอบอีก 4 อย่าง ได้แก่
1.มีคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาหรือไม่
2.มีระเบียบการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาอย่างไร
3.สมาชิกวุฒิสภาเป็นกลุ่มเครือญาติกัน ถือว่าเป็นการผิดรัฐธรรมนูฐหรือไม่
4.มีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 1,300 ล้านบาทอย่างไร
ประธานวุฒิสภายันไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการ
จากกรณีกรรมการสรรหาวุฒิสภา 10 คน มี 6 คน เข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ทำให้พรรคฝ่ายค้านเกิดข้อสงสัยว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยทางพรรคอนาคตใหม่นำโดยนายปิยะบุตร ได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบกับทางองค์กรอิสระมากมาย แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเพิ่มเติม จึงพยายามยื่นญัตติด่วนต่อรัฐสภา เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการด่วน
ในขณะที่ประธานวุฒิสภาได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ส.ส. ไม่มีสิทธิที่จะมาตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา เช่นเดียวกับที่ ส.ว. ไม่สามารถตรวจสอบ ส.ส. ได้เช่นกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการกันเอาเองผ่านช่องทางอื่น ไม่สามารถใช้การอภิปรายในสภาฯ ในการตรวจสอบได้ ส่วนจะใช้ช่องทางไหนนั้น ให้ทาง ส.ส. ไปคิดหาทางกันเอาเอง เช่นด้วยการลงชื่อให้ประธานวุฒิสภาให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
โดยนายพรเพชร ชี้ว่าการทำงานของ ส.ว. จะยังคงดำเนินหน้าต่อไป ในขณะที่ยังไม่รู้ว่านายชวน หลีกภัย ผู้นั่งตำแหน่งประธานสภาฯ จะรับเรื่องใดไว้พิจารณาบ้าง ยังกล่าวอีกว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อผลการโหวตเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้สิ้นสุดไปแล้ว และจะไม่มีการประกาศเป็นโมฆะไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม